
ย้อนรอย ซีรีส์ระดับตำนาน แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง
เมื่อ 500 ปีที่ผ่านมาในช่วงสมัยของราชวงศ์โชซ็อน ประเทศเกาหลียังคงปกครองด้วยกฏเกณฑ์ที่ผู้ชายมีอำนาจเป็นใหญ่กว่าผู้หญิง “แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง” สร้างมาจากเรื่องจริงของหญิงสาวผู้เป็นตำนาน นามว่า จังกึม ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกของเกาหลี ที่ได้เป็นแพทย์คอยรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับเชื้อพระวงศ์ในพระราชสำนัก เธอเป็นเด็กที่เกิดจากครอบครัวสามัญชนที่มีฐานะยากจน จังกึม สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ยังโชคก็ยังเข้าข้างเธอ เมื่อเธอได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้การเป็นนางใน เพื่อที่ต่อไปจะได้เป็น ซังกุงห้องเครื่อง ในอนาคต โดยการเรียนรู้วิธีการปรุงอาหารในพระราชสำนัก ด้วยความที่เธอเป็นเด็กฉลาด ทำให้ จังกึม กลายเป็น ซังกุงมือหนึ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจากเชื้อพระวงศ์ หรือแม้กระทั้งราชสำนักก็ต่างให้การสนับสนุนจังกึม ภายหลัง จังกึม พยายามเรียนรู้วิธีปรุงยา จนทำให้เธอได้รักษาอาการป่วยของพระราชา แต่ถึงอย่างไร เล่ห์กลของคนในราชวังและอำนาจทางการเมือง ก็มักจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ จังกึม ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมันไปให้ได้ หนำซ้ำเพื่อนที่เป็นคู่แข่งของเธอมาตั้งแต่เด็กๆอย่าง แชกึงยอง ก็พยายามหาทางแข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งความกรุณาของพระราชา จังกึม หวังว่าท้ายที่สุด พระราชาจะต้องเลือกเธอขึ้นเป็นราชินีแห่งราชวงศ์โชซ็อน อย่างไรก็ตาม จังกึม ก็พยายามใช้สติปัญญาที่ชาญฉลาดของเธอต่อกรกับศัตรูที่มีอยู่มากมายในราชสำนัก เพื่อทำให้มาตรฐานทางสังคมเกิดความเท่าเทียม ซึ่งไม่มีผู้หญิงเกาหลีคนไหนทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้
ถ้าพูดถึง เรื่องแดจังกึม สิ่งหนึ่งที่สำคัญและเป็น Signature ของเรื่องนี้ที่ทำให้เรื่องราวมีความตื่นเต้น และน่าติดตามก็คงหนีไม่พ้นอาหาร ที่ปรากฏในเรื่อง มันเป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมอีกหนึ่งด้าน ที่ทำให้คนฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนต้องอยากที่จะทำอาหารเกาหลีตาม หรือต้องหาซื้ออาหารเกาหลีมาทำกันทานเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่า อาหารในเรื่อง นี้มันสามารถสะท้อนค่านิยมต่าง หรือสะท้อนสภาพสังคมได้เป็นอย่างดี
อาหารในเรื่องมีนิยาม หรือสิ่งที่ซีรีย์อย่างจะถ่ายทอดอะไรให้คนดูบ้าง
ในเรื่องเราจะได้เห็นความหลาหลายของการใช้อาหารเป็นเครื่องมือ หรือการตีคุณค่า ไม่ใช่แค่ในด้าน ของสุขภาวะ หรือการได้รับประโยชน์ แต่อาหารในเรื่องยังบ่งบอกถึงความรู้ของการจัดการอาหาร จะเห็นได้ว่า จังกึม เป็นตัวละครหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถในการรังสรรค์อาหาร เพราะอาหารไม่ใช่แค่เพื่อรับประทาน แต่อาหารเป็นสิ่งที่เข้าไปในร่างกาย ต้องมีสรรพคุณ และคุณประโยชน์ เป็นสิ่งสำคัญของผู้รับประทาน อีกทั้งยังเป็นงานศิลปะอีกหนึ่งอย่าง ที่สามารถใส่สุนทรียะของผู้รังสรรค์ลงไป ซีรีย์เรื่องนี้ยังสะท้อนให้นิยามของการเป็นเชฟหรือผู้ประกอบอาหารได้ดี ที่ต้องควรใส่ใจในทุกมื้อที่ตนเองได้ลงมือทำ และมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค อีกทั้งในด้านของนิยามของวัฒนธรรมการกินของชาวเกาหลี ที่มีการประพฤติปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน
อาหารในเรื่องนี้มีความสัมพันธ์กับอะไรบ้าง
ด้านการเมือง : เราจะเห็นได้ว่าในบริบทของผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผู้หญิงจะถูกจำกัดอยู่พื้นที่ที่เรียกว่า ครัว ซึ่งต้องดูแลอาหารการกินให้กับผู้ชาย ซึ่งอาหารแต่ละอย่างที่เหล่าซังกุง เป็นผู้รังสรรค์นั้นจะมีความประณีต สวยงาม และพิถีพิถัน สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนค่านิยมบทบาทของผู้ชายและผู้หญิงได้ดี รวมไปถึงคำว่า ชนชั้น อาหารในเรื่องจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริบทหรือชนชั้นทางสังคม จักรพรรดิ หรือชนชั้นนำ ก็จะได้รับการปรับแต่งอาหารที่ดูพิเศษ หรือหรูหรา ส่วนชนชั้นล่าง ชาวบ้านพ่อค้า ก็จะมีการกินตามแบบฉบับของชาวบ้าน โดยการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงแต่งอาหาร หรือแม้กระทั่งเครื่องบำนาญของข้าราชบริพารนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็น “ข้าว” ที่สามารถเอาไปทำได้หลากหลาย บ้านไหนที่มีข้าวมากนั้นก็จะแสดงถึงความที่ว่า บ้านนั้นมีความมั่งคั่ง ร่ำรวย
ด้านเศรษฐกิจและสังคม : ยิ่งบนโต๊ะของพระราชา มีอาหารมากมาย มีวัตถุดิบชั้นเลิศมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งตอกย้ำว่าบ้านเมืองนั้น มีเศรษฐกิจดี ทำมาค้าขึ้น น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ พืชพรรณธัญญาหารมากมาย การเพาะปลูกอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกัน และทำให้เห็นว่า พระราชา ที่เป็นผู้นำทางบ้านเมืองมีความรู้ ความสามารถ ที่จะนำพาบ้านเมืองผ่านพ้นไปด้วยดี
ด้านวัฒนธรรม : วัฒนธรรมการกินของคนเกาหลีนั้นก็จะมีความคล้ายคลึงกับคนทางจีน และญี่ปุ่น คือมีการใช้ตะเกียบในการกินอาหาร หรือแม้กระทั้งการร่วมโต๊ะรับประทานอาหารจะเน้นการพูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราวผ่านโต๊ะอาหาร